รัฐพงศ์ หมะอุ
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จากคำกล่าวที่นักวิชาการหลายท่านชี้ว่า “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะมอบระบอบประชาธิปไตยให้กับประชาชนชาวสยามอยู่แล้ว” ข้อความนี้ควรพิเคราะห์ถึงคุณค่าความหมายตามบริบททางการเมือง กล่าวคือ
แนวพระราชดำริและพระราชประสงค์ต่างๆ ก่อนการปฏิวัติในปี พ.ศ.2475 นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่จะเรียกว่าเป็นพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยหรือไม่นั้น เป็นการพิเคราะห์ ซึ่งต้องแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ดังเช่นว่า มีการศึกษาวิเคราะห์ว่าพระปกเกล้าฯ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะปรับเปลี่ยนการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ให้มีความทันสมัยขึ้นมากกว่าการเตรียมการพระราชทานรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยอย่างเช่นที่กล่าวข้างต้น
เหตุและปัจจัยหลายประการที่คิดเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ได้ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงมอบระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนชาวสยามตั้งแต่ก่อนคณะราษฎรจะทำการปฏิวัตินั้น
เหตุผลหลักที่สำคัญคือ ร่างเค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครอง (An
Outline of Change in the Form of the Government) ที่นักวิชาการหลายท่านชี้ว่าเป็น
“รัฐธรรมนูญ” ซึ่งพระปกเกล้าฯ ทรงมีพระดำริจะให้
“ประชาธิปไตย” ก่อนที่คณะราษฎรจะทำการปฏิวัติ
โดยตามเค้าโครงนี้ระบุว่าอำนาจสูงสุดยังคงอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์ทั้งทางการบริหาร การตรากฎหมายและการศาลอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าร่างเค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครองนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะให้สยามมีระบอบประชาธิปไตย
แต่ทว่าเป้าหมายคือการรวบอำนาจจากเสนาบดีและพระประยูรญาติให้กลับคืนสู่กษัตริย์อีกครั้ง กอปรกับร่างเค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครองซึ่งชี้ว่า พระปกเกล้าฯ เตรียมพระราชทานกฎหมายเกี่ยวกับการปกครอง แต่หาใช่รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยตามหลักประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจไม่
พิจารณาจากพระราชอำนาจทั้งปวงปราศจากการรับรองสิทธิและความเสมอภาคของประชาชน ซึ่งสอดคล้องว่าเนื้อหาของร่างเค้าโครงนี้เป็น “รัฐธรรมนูญ” ที่พยายามสร้างระบบระเบียบแก่สมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น เป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาซึ่งสะสมมาในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไทยตั้งแต่ต้นคือ การขยายอำนาจของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และสร้างบทบาทฐานะที่แน่นอนให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ในโครงสร้างของรัฐ
โดยตามเค้าโครงนี้ระบุว่าอำนาจสูงสุดยังคงอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์ทั้งทางการบริหาร การตรากฎหมายและการศาลอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าร่างเค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครองนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะให้สยามมีระบอบประชาธิปไตย
แต่ทว่าเป้าหมายคือการรวบอำนาจจากเสนาบดีและพระประยูรญาติให้กลับคืนสู่กษัตริย์อีกครั้ง กอปรกับร่างเค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครองซึ่งชี้ว่า พระปกเกล้าฯ เตรียมพระราชทานกฎหมายเกี่ยวกับการปกครอง แต่หาใช่รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยตามหลักประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจไม่
พิจารณาจากพระราชอำนาจทั้งปวงปราศจากการรับรองสิทธิและความเสมอภาคของประชาชน ซึ่งสอดคล้องว่าเนื้อหาของร่างเค้าโครงนี้เป็น “รัฐธรรมนูญ” ที่พยายามสร้างระบบระเบียบแก่สมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น เป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาซึ่งสะสมมาในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไทยตั้งแต่ต้นคือ การขยายอำนาจของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และสร้างบทบาทฐานะที่แน่นอนให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ในโครงสร้างของรัฐ
จากเหตุผลข้างต้นทั้งหมดนี้ผู้เขียนจึงเห็นสอดคล้องว่าพระปกเกล้าฯ มิได้ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะมอบระบอบประชาธิปไตยให้ตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ
พ.ศ.2475 ร่างรัฐธรรมนูญที่ว่านี้
แท้จริงแล้วเป็นเพียงเค้าโครงการจัดรูปแบบการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น มิใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด เพื่อเป็นการรวมอำนาจไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจสูงสุด เสมือนปรับให้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีโครงสร้างที่ทันสมัยและกำหนดอำนาจผูกขาดไว้กับสถาบันหลักให้มั่นคงมากขึ้น
แท้จริงแล้วเป็นเพียงเค้าโครงการจัดรูปแบบการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น มิใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด เพื่อเป็นการรวมอำนาจไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจสูงสุด เสมือนปรับให้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีโครงสร้างที่ทันสมัยและกำหนดอำนาจผูกขาดไว้กับสถาบันหลักให้มั่นคงมากขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น